
รู้จัก บูร์กินา ฟาโซ ของ มูรินโญแห่งแอฟริกา ทีมอันดับสูงสุดใน คิงส์คัพ ครั้งที่ 45
เว็บเล่นบาคาร่า สังกัดภูมิภาค: CAF(แอฟริกา)
สังกัดภูมิภาคย่อย: WAFU(แอฟริกาตะวันตก)
อันดับฟีฟ่า
ปัจจุบัน: 41
สูงสุด: 35
ต่ำสุด: 127
บูร์กินา ฟาโซ ตั้งฉายาทีมฟุตบอลทีมชาติว่า ‘เลส์ เอตาลงส์’ หรือ ‘ม้าคะนอง ’ ตามม้ารถศึกของเจ้าหญิงเยนเยงก้าในตำนาน พวกเขาลงแข่งขันฟุตบอลแอฟริกัน เนชันส์ คัพ ครั้งแรกในปี 1978 ก่อนจะหายไปหลายปีและกลับสู่ทัวร์นาเมนต์อีกครั้งในปี 1996 ในปี 1998 ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพเอง ภายใต้การคุมทีมของ ‘พ่อมดขาว’ ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ พวกเขาเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ส่วนผลงานดีที่สุดคือการเป็นรองแชมป์สุดเซอร์ไพรส์ในปี 2013 ส่วนครั้งล่าสุดเมื่อต้นปี พวกเขาทำได้ถึงอันดับสาม โดยเอาชนะ กาน่า อดีตทีมเก่าของมิโลวาน ราเยวัช 1-0
ส่วนฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย บูร์กินา ฟาโซ ยังไม่เคยไปถึง แต่ในครั้งนี้พวกเขามีโอกาสดีเมื่ออยู่ในรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายและเป็นจ่าฝูงของกลุ่มหลังผ่าน 2 เกมแรกด้วย
พัฒนาการในอันดับโลก
บูร์กินา ฟาโซ ปัจจุบันรั้งอันดับ 41 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง เป็นอันดับ 5 ร่วมในโซนแอฟริกา (เท่ากับ ตูนิเซีย) เป็นรองเพียง อียิปต์ (20) ,เซเนกัล (27) ,แคเมอรูน (32) ,ไนจีเรีย (38) และ ดีอาร์ คองโก (39) โดยพวกเขาสามารถขยับขึ้นมาอยู่ท็อป 100 ได้ในปี 2008 จากอันดับที่ 113 มาอยู่ที่ 62 และสามารถไปถึงอันดับ 35 ของโลก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอันดับโลกสูงสุดตลอดกาลของทีม และอาจจะเรียกได้ว่านี่คือช่วงที่ บูร์กินาฟาโซ มีทีมชุดที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมีมา
โค้ช
เปาโล ดูอาร์เต้ นายใหญ่วัย 48 ชาวโปรตุเกสเข้ามาคุมบูร์กินาฟาโซ เป็นคำรบสองหลังเคยกุมบังเหียนม้าคะนองในช่วงปี 2008-2012 ซึ่งในสมัยนั้นเขาถูกสื่อท้องถิ่นตั้งฉายาให้ว่า “มูรินโญแห่งแอฟริกา” หลังพา บูร์กินาฟาโซขึ้นไปรั้งอันดับ 37 ของ ฟีฟ่า แรงกิ้ง ได้เพียงภายในสามปี รวมถึงสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับเหนียวแน่นและใช้ความเร็ว ความแข็งแกร่งของผู้เล่นในแดนหน้าหาจังหวะโต้กลับ ก่อนถูกปลดไปด้วยผลงานแพ้รวดสามนัดในแอฟริกัน เนชันส์ คัพ 2012
เขากลับมาคุมทีมในช่วงปลายปี 2015 และพาทีมคว้าอันดับสามในแอฟริกัน เนชันส์ คัพ 2017 โดยเสียเพียงแค่ 3 ประตู โดยทั้ง 6 เกมทีมของ ดูอาร์เต้ ครองบอลน้อยกว่าคู่แข่งทุกนัดหรือไม่เคยมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลเกิน 50% เลยแต่พวกเขาก็ไม่แพ้ใครในเวลาทั้งทัวร์นาเม้นท์แสดงให้เห็นถึงการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และน่าสนใจหากได้มาพบกับทีมชาติไทย ยุค มิโลวาน ราเยวัช ในคิงส์คัพครั้งที่ 45 ที่เล่นในระบบที่คล้ายกัน
ผู้เล่นที่น่าจับตา
แบร์ทรงด์ ตราโอเร (Bertrand Traoré)
แบร์ทรงด์ ตราโอเร หนึ่งในผลผลิตคุณภาพจาก บูร์กินาฟาโซ ประเทศในทวีปแอฟริกา ปัจจุบัน ดาวเตะวัย 21 ปี กำลังโลดแล่นในยุโรปกับต้นสังกัดยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ ลีก อย่าง เชลซี
ปี 2009, ตราโอเร เริ่มอาชีพค้าแข้งในฝรั่งเศสกับ เอเจ โอแซร์ ซึ่งเป็นสโมสรเดียวกับ อแลง พี่ชายของเขา พร้อมกับติดทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในปีนั้นด้วย
โดยจุดที่ทำให้ ตราโอเร เป็นที่จับตามองของทีมดังหลายทีมในยุโรป คือการลงเล่นให้กับ บูร์กินาฟาโซ ในฟุตบอลโลก U17 ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ลงเล่นในรอบสุดท้ายของรายการนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ตราโอเร ยังมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ แอฟริกัน แชมเปี้ยนส์ U17 ในปี 2011 และด้วยผลงานที่โดดเด่น ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาในทีมชาติชุดใหญ่ในวัยเพียง 15 ปี แล้วกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในการลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกด้วย ส่งผลให้ทั้ง มาร์กเซย, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง เชลซี สนใจดึงหนูน้อยรายนี้ไปร่วมทีม
สุดท้าย ในเดือน สิงหาคม ปี 2010 ก็มีรายงานออกมาว่า ตราโอเร่ ได้ปฏิเสธสองทีมแรกทั้ง มาร์กเซย และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเลือกที่จะย้ายเข้าสู่อคาเดมี่ของทีมจากลอนดอนอย่าง เชลซี
แต่เส้นทางสู้เกาะอังกฤษนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะตามกฎการซื้อขายแข้งนอกยุโรปแล้ว เชลซี ไม่สามารถเซ็นสัญญากับ ตราโอเร ได้ จนกว่าเขาจะมีอายุครบ 18 ปี อย่างไรก็ตาม สุดท้าย ตราโอเร ก็ได้เซ็นกับเชลซีในปี 2013 และกลายเป็นแข้งของทัพสิงห์บลู อย่างเป็นทางการในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ปี 2014 ด้วยสัญญาค้าแข้ง 4 ปีครึ่ง
ตราโอเร ได้มีโอการร่วมทีมในการทัวร์เอเชียในช่วงปรีซีซั่น ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้ในเกมที่ เชลซี ชนะ มาเลเซีย 4-1 และ อินโดนีเซีย ออล สตาร์ 8-1 ก่อนที่ เชลซี จะปล่อยให้ Vitesse สโมสรพาร์ทเนอร์ชิพในฮอลแลนด์ยืมตัวไปใช้งาน 18 เดือน เพื่อเป็นการเพิ่มประสบการณ์ พร้อมกับการทำใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
ดาวยิงทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ไม่ได้ทำให้เชลซีผิดหวังแม้แต่น้อย โดยในฤดูกาล 2014-2015 เขายิงได้ถึง 16 ประตู ในการลงเล่นทั้งหมด 42 นัดในพรีเมียร์ ดัตช์ ให้กับ Vitesse รวมถึงการซัดประตูให้ Vitesse คว่ำยักษ์ใหญ่อย่าง อาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 4-0 และในปีเดียวกัน ตราโอเร แจ้งเกิดด้วยการเปลี่ยนตำแหน่ง จากปีกขวา ขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งทำให้เขายิงประตูได้มากขึ้น
ตราโอเร มีจุดเด่นในลูกยิงไกล มีทักษะในการเลี้ยงหลบสูง โดยหลายประตูที่เขายิงได้ จะเป็นการเลี้ยงตัดเข้าใน และซัดด้วยซ้ายข้างถนัด ซึ่งทำบ่อยได้ในช่วงที่เขาเล่นในตำแหน่งปีกขวา และด้วยร่างการที่แข็งแกร่ง กล้าที่จะเล่น ตราโอเร่ ทรงตัวได้ดี ทำให้ Vitesse จับเขามาเป็นหน้าเป้า ไว้ต่อกรกับกองหลังของคู่ต่อสู้
ในฤดูกาล 2015-2016, ดาวเตะวัย 21 ปี กลับเข้าถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมกับรับหมายเลข 14 เบอร์เก่าของ อังเดร ชูร์เล่ ลงเล่นนัดแรกในเกมที่ เชลซี เอาชนะ มัคคาบี้ 4-0 ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดย ตราโอเร ลงมาแทน รูเบน ลอฟตัส-ชีค ในนาทีที่ 77
Bertrand Traore – Burkina Faso
ส่วนใน พรีเมียร์ ลีก ตราโอเร เจองานหนักเมื่อเขาจะต้องแข่งกับ ดิเอโก้ คอสต้า ในการแย่งตำแหน่งตัวจริง แต่แล้วก็เป็นกองหน้ารุ่นพี่อย่าง คอสต้า ที่ได้โอกาสมากกว่า แต่ ตราโอเร ก็ทำผลงานได้ไม่เลวจากโอกาสที่เขาได้รับ บ่อยครั้งที่เขาถูกส่งลงไปแทน คอสต้า และสามารถเพิ่มสกอร์ให้กับทีมเสมอ แต่ด้วยผลงานที่ไม่สม่ำเสมอ บวกกับการล้ำหน้าที่เกินความจำเป็น พร้อมกับฟอร์มที่ดีของ คอสต้า ทำให้กองหน้าทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ถูกปล่อยตัวให้ อาแย๊กซ์ ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เชลซีได้จับ ตราโอเร่ ต่อสัญญา 3 ปี ก่อนจะปล่อยตัวให้ อาแย็กซ์ ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2016-2017
โดยกองหน้าวัย 21 ปี ลงเล่นให้กับ อาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปทั้งหมด 24 นัดในลีก และยิงได้ 9 ประตู แม้ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในสัญญายืมตัวซีซั่นที่ผ่านมา แต่ ตราโอเร ยังคงเบียดแย่งตำแหน่งในถิ่นสิงห์บลูไม่ได้
ล่าสุด ฌอง-มิเชล โอลาส ประธานโอลิมปิค ลียง คอนเฟิร์ม สโมสรอยู่ระหว่างเจรจาคว้า เบอร์ทรานด์ ตราโอเร ดาวยิงจากเชลซีเข้ามาเสริมทัพในเวลานี้ และหากเขาเดินทางมาประเทศไทยร่วมกับ บูร์กินาฟาโซ ได้น่าจะเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับความสนใจในคิงส์คัพครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
โจนาธาน ซองโก (Jonathan Zongo)
โจนาธาน ซองโก กองหน้า อัลเมเรีย ทีมในศึกลาลีก้า สเปน เป็นอีกหนึ่งนักเตะจากทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ประเทศในทวีปแอฟริกา ที่น่าจับตาในคิงส์คัพครั้งที่ 45 เมื่อมีโอกาสจะได้ปะทะฝีเท้ากับเพื่อนร่วมทีมเก่าอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา
ซองโก เริ่มอาชีพค้าแข้งกับทีมในบ้านเกิดกับทีม Ouagadougou ในปี 2009 ก่อนที่จะโยกย้ายถิ่นฐานมาเล่นฟุตบอลในสเปน ด้วยการเซ็นสัญญากับ อัลเมเรีย เบ และลงเล่นในลีกสามของสเปนในปี 2010
แม้ว่าจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่เข่าในช่วงปีแรก แต่กองหน้าทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่สามปี จนในปี 2013 เขาได้ยกตัวเองขึ้นมาสู้ทีมอัลเมเรียชุดใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่เขาถูกเรียกติดทีมชาติ
ซองโก เล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองหน้าและปีกฝั่งซ้าย-ขวา ด้วยความสูงถึง 183 ซม. ทำให้เขาเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ซึ่งสามารถทำประตูด้วยลูกโมงได้บ่อยครั้ง และในการดวลตัวต่อตัว ซองโก มักจะเอาตัวรอดได้ นอกจากนี้ ยังมีดีที่การเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ โดยจะเรียกฟาวล์ให้กับทีมได้เสมอ
และในปี 2013 ที่เขาขึ้นมาเล่นบนเวที ลาลีก้า กับ อัลมาเรีย ซองโก ยังสร้างสถิติ เป็นนักเตะจาก บูร์กินาฟาโซ คนแรกที่ลงเล่นในรายการนี้ ด้วยการลงเล่นใน 9 นาทีสุดท้าย ในเกมที่ อัลเมเรีย เอาชนะ แกรนนาด้า 3-0
ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ซองโก ยังเป็นเพื่อนร่วมทีม ธีรศิลป์ แดงดา ในสมัยที่ดาวเตะทีมชาติไทยของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปค้าแข้งกับ อัลเมเรีย เป็นระยะะเวลา 6 เดือน โดย ธีรศิลป์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ซองโก ที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ จะคอยช่วยอธิบายเรื่องแท็คติก และคอยแปลภาษาให้ แม้ว่าจะต้องคอยแข่งขันกันในการแย่งตำแหน่งกันก็ตาม
ปัจจุบัน ซองโก ยังค้าแข้งอยู่กับ อัลเมเรีย ในลาลีก้า สเปน และยังคงติดทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ อย่างต่อเนื่อง
Jonathan Zongo – UD Almeria
เปรจูซ นาคูลมา (Préjuce Nakoulma)
เปรจูซ นาคูลมา แข้งมากประสบการณ์วัย 30 ปี กองหน้าคนสำคัญของทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ที่กำลังสานต่อประสบการณ์ฟุตบอลในฝรั่งเศส กับ นองต์ บนเวที ลีก เอิง
นาคูลมา เริ่มค้าแข้งกับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง Ouagadougou ในปี 2004 โดยกองหน้าความเร็วสูงรายนี้ ได้รับฉายาว่าเป็นแข้งชีพจรลงเท้า เมื่อ นาคูลมา ย้ายทีมถึง 4 ครั้ง ภายในสามปี เริ่มต้นด้วยการย้ายไปร่วมทีม GKS Granica Lubycza Królewska ในปี 2006 ก่อนที่จะย้ายไปปักหลักที่ โปแลนด์ และได้ใช้เวลากับหลายๆสโมสร รวมทั้งหมด 5 สโมสรด้วยกัน จนถึงปี 2014
หลังจากใช้เวลากว่า 8 ปีในโปแลนด์ นาคูลมา ได้ตัดสินใจออกไปหาประสบการณ์ที่ ตุรกี กับทีม Mersin Idman Yurdu โดยในปี 2016 กองหน้าทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ ได้ย้ายไปร่วมทีม Kayserispor ใน ซูเปอร์ ลีก ตุรกี กับวัยที่กำลังย่างเข้าเลขสามในเร็ววัน
แต่ นาคูลมา แสดงให้เห็นว่า ความเร็ว และความคมในการจบสกอร์ยังมีอยู่ แม้ว่าอายุจะปาไป 30 ปี แล้ว แต่การทำประตูและการครองบอลยังคงดีเยี่ยมอยู่เหมือนเคย นอกจากนี้ นาคูลมา ยังมีทีเด็ดในการเลี้ยงตัดเข้าไปยิง รวมถึงลูกตั้งเตะ เจ้าตัวยังทำได้ดีอีกด้วย และยังสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในเกมรุก ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก ปีก และกองหน้า แม้สุดท้ายแล้ว เขาจะแยกทางกับ Kayserispor แต่ดีลในปี 2017 นี้ ก็ยากที่จะปฏิเสธ เพราะเส้นทางสู่ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ได้เปิดขึ้นแล้ว
แน่นอนว่าเมืองน้ำหอมเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ นาคูลมา เดินทางมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในปี 2017 แข้งวัย 30 ปี ได้เข้ามาร่วมทีม นองต์ ใน ลีก เอิง หนึ่งในสังเวียนใหญ่ของเวทียุโรป
นอกจากโปรไฟล์กับหลายๆสโมสรแล้ว นาคูลมา ยังถูกเรียกติดทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน มีส่วนร่วมในการพาทีมผ่านการแข่งขันทั้ง แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่น และ ฟุตบอลโลก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อันตรายหากต้องพบกับทีมชาติไทยในคิงส์คัพ